คำถามในช่วงหาห้อง
Q. สามารถทำสัญญาเช่าห้องที่ญี่ปุ่นก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นได้หรือไม่
คำตอบคือสามารถทำได้ โดยจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบผู้เช่าและชำระเงินค่าแรกเข้าต่างๆก่อน โดยในการตรวจสอบ
จะต้องยื่นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการยืนยันตน การตรวจสอบจึงจะเริ่มขึ้น
และเมื่อผ่านการตรวจสอบก็หมายความว่าสามารถทำสัญญาได้ทันที
Q. สามารถทำสัญญาเช่าห้องที่ญี่ปุ่นก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นได้หรือไม่
คำตอบคือสามารถทำได้ โดยจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบผู้เช่าและชำระเงินค่าแรกเข้าต่างๆก่อน โดยในการตรวจสอบ
จะต้องยื่นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการยืนยันตน การตรวจสอบจึงจะเริ่มขึ้น
และเมื่อผ่านการตรวจสอบก็หมายความว่าสามารถทำสัญญาได้ทันที
Q. ถ้าพูดภาษาญี่ปุนไม่ได้เลย จะสามารถเช่าห้องได้หรือไม่
สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับบริษัทที่ดูแลห้องและเจ้าของห้องนั้นว่าจะตั้งเงื่อนไขเรื่องระดับภาษาญี่ปุ่นอย่างไร
แต่ในกรณีของลูกค้าแลนด์เฮ้าส์ซิ่งนั้น เราจะมีบริการ Life Support หลังย้ายเข้า
ซึ่งจะคอยช่วยประสานงานระหว่างบริษัทที่ดูแลห้องและตัวผู้เช่าให้ราบรื่นไม่มีปัญหากวนใจ
Q. เอกสารสำคัญในการเช่าห้องมีอะไรบ้าง
เอกสารที่สำคัญหลักๆในการทำสัญญาเช่าห้องสำหรับบุคคลทั่วไปมีตามด้านล่างนี้ แต่อาจขึ้นอยู่กับทางเจ้าของห้องด้วย
แนะนำให้ตรวจสอบก่อนทำสัญญา
-หนังสือเดินทาง
-หนังสือตอบรับการเข้าเรียน/การเข้าทำงาน
–ใบสถานภาพการพำนักในญี่ปุ่น
–ข้อมูลผู้ติดต่อฉุกเฉิน ทั้งในไทยและญี่ปุ่น
Q. เอกสารสำคัญในการเช่าห้องมีอะไรบ้าง
เอกสารที่สำคัญหลักๆในการทำสัญญาเช่าห้องสำหรับบุคคลทั่วไปมีตามด้านล่างนี้ แต่อาจขึ้นอยู่กับทางเจ้าของห้องด้วย
แนะนำให้ตรวจสอบก่อนทำสัญญา
-หนังสือเดินทาง
-หนังสือตอบรับการเข้าเรียน/การเข้าทำงาน
–ใบสถานภาพการพำนักในญี่ปุ่น
–ข้อมูลผู้ติดต่อฉุกเฉิน ทั้งในไทยและญี่ปุ่น
การสมัคร/การยื่นจอง⇒กระบวนการตรวจสอบผู้เช่า⇒ การอธิบายสัญญาที่สำคัญต่างๆ ⇒จ่ายเงินค่าแรกเข้าและค่าเช่าเดือนแรก ⇒
การทำสัญญา
สามารถทำได้ โดยจะต้องชำระค่าใช้จ่ายต่างๆในการทำสัญญาให้เรียบร้อย และเมื่อไปถึงญี่ปุ่น หากสัญญาส่งมาถึงที่ไทยทันกำหนดการ
ก็จะนัดหมายมาทำสัญญาที่บริษัทแลนด์เฮ้าส์ซิ่ง แต่ในกรณีที่สัญญาส่งมาไม่ทัน/จำเป็นต้องไปทำสัญญาที่บริษัทดูแลห้อง
ก็สามารถไปทำสัญญาที่ญี่ปุ่น แล้วเข้าพักได้ทันที
โดยทั่วไปแล้วห้องเช่าในอพาร์ทเม้นท์หรือแมนชั่นที่ญี่ปุ่นจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเตรียมไว้ให้
สำหรับใครที่ไม่อยากซื้อมาติดตั้งเองก็สามารถใช้บริการให้เช่าเฟอร์นิเจอร์ได้ โดยทางเราจะจัดส่งและติดตั้งให้ฟรี
จำเป็น โดยห้องส่วนใหญ่จะระบุไว้ว่าจำเป็น และเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา
ขอบเขตของการชดเชยค่าเสียหายนั้นต่างกันไปตามบริษัท แต่ส่วนมากนั้นจะครอบคลุม “เหตุไฟไหม้ เหตุระเบิด ฟ้าผ่า
ความเสียหายจากน้ำรั่ว ภัยจากลม,หิมะ,น้ำ การโจรกรรม” เป็นต้น
และการทำประกันในขณะที่เช่าห้องยังครอบคลุมไปถึงการชดเชยส่วนบุคคล (เช่น กรณีที่ลูกค้าทำน้ำรั่วซึมลงไปห้องด้านล่าง)
และการชดเชยให้กับเจ้าของห้องเมื่อผู้เช่าทำให้ตัวห้องเกิดความเสียหายอีกด้วย
หากจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ญี่ปุ่นต้องเลือกห้องที่ตั้งเงื่อนไขว่า สามารถเลี้ยงได้
และทางบริษัทที่ดูแลห้องจะระบุไว้ชัดเจนว่าสามารถเลี้ยงได้มากสุดกี่ตัว โดยกรณีที่เลี้ยงสัตว์นั้น
ค่าเช่าและค่ามัดจำของห้องอาจมีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นได้ ก่อนที่จะจองผู้เช่าควรตรวจเงื่อนไขนี้ด้วย
ในส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับบริษัทที่ดูแลห้องและเจ้าของห้องนั้น โดยปกติแล้วจะสามารถยืดเวลาที่จะย้ายเข้าออกไปได้นานสุด 1-2
อาทิตย์ ขึ้นอยู่กับการต่อรอง
ในขั้นตอนการยื่นจองผู้เช่าจะต้องแจ้งกับทางบริษัทที่จัดหาห้องอยู่แล้วว่าประสงค์จะย้ายเข้าเมื่อใด
คำถามเกี่ยวกับสัญญา
ชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะประสบปัญหานี้กันมาก สามารถทำได้โดยใช้บริการของบริษัทค้ำประกันแทน
โดยค่าใช้บริการในกรณีที่เป็นชาวต่างชาตินั้นจะอยู่ 50-150% ของค่าใช้จ่ายรายเดือน
อาจมีบางกรณีที่ไม่ต้องจ่ายค่าค้ำประกันส่วนแรก แล้วไปจ่ายเป็นรายเดือนแทนเช่นกัน
ผู้เช่าควรเข้าใจและตรวจสอบเนื้อหาก่อนเซ็นสัญญาในการเช่าห้อง เพราะหลังจากเซ็นแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้
และหากยกเลิกสัญญาก็อาจถูกเรียกเก็บค่ายกเลิกสัญญาได้
(1) รูปแบบสัญญา ในญี่ปุ่นที่พักจะมีสัญญา 2 รูปแบบ ได้แก่ “สัญญาเช่าบ้านปกติ” ซึ่งสามารถต่อสัญญาได้หลังสัญญาที่ทำนั้นจบลง
และ “สัญญาเช่าบ้านกำหนดระยะเวลา” ซึ่งเมื่อหมดสัญญาแล้วเจ้าของเลือกไม่ต่อสัญญา ผู้เช่าจะต้องย้ายออกเท่านั้น
(2)ข้อกำหนดพิเศษ เป็นสัญญาที่เป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมจากเงื่อนไขที่กำหนดทั่วไป จุดที่ควรตรวจเช็คให้ดีคือ
“จะมีค่ายกเลิกสัญญาหรือไหมหากยกเลิกภายในเวลา…ปี”
(3) การคืนเงินค่ามัดจำ ห้องบางห้องอาจระบุว่า “จ่ายเงินค่ามัดจำ 2เดือน เก็บส่วน 1 เดือน”
นั่นหมายถึงจะได้คืนตอนย้ายออกเพียงแค่ส่วนของ 1 เดือนเท่านั้น
บางห้องที่ไม่ได้เรียกเก็บค่าทำความสะอาดตอนย้ายออกในค่าแรกเข้า
เจ้าของห้องก็จะนำเงินค่ามัคดจำไปใช้ในการทำความสะอาดตอนย้ายออกแทน ทำให้บางครั้งผู้เช่าอาจไม่ได้เงินค่ามัดจำคืนเลยก็ได้
(ส่วนมากในกรณีที่จ่าย ค่ามัดจำ 1 เดือน)
ปกติแล้วไม่รวมอยู่ในส่วนนั้น แต่ทว่าบางห้องอาจจะรวมค่าน้ำอยู่ในค่าส่วนกลางได้
ในกรณีนั้นบริษัทที่จัดหาห้องก็จะแจ้งให้ทราบก่อน แต่โดยทั่วไปแล้วค่าใช้จ่ายพวกนี้จะถูกเรียกเก็บตามใช้จริงในแต่ละเดือน
①ตัดเงินจากบัญชีธนาคาร โดยตามวันที่กำหนดของทุกเดือน เงินค่าเช่าบ้านจะถูกตัดจากบัญชีที่ลูกค้ากำหนดไว้
②โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ลูกค้าจะต้องโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของบริษัทที่ดูแลห้องหรือเจ้าของห้อง
ภายในวันที่กำหนดของทุกเดือน
③ชำระเงินสด ลูกค้าจะต้องนำเงินสดไปจ่ายให้กับเจ้าของห้องพัก ภายในวันที่กำหนดของทุกเดือน
④จ่ายผ่านบัตรเครดิต ชำระเงินโดยตัดผ่านบัตรเครดิต ภายในวันที่กำหนดของทุกเดือน
จะแตกต่างกันตามห้อง แต่โดยปกติแล้ว หากในหัวข้อข้อกำหนดพิเศษไม่ได้ระบุถึงเงื่อนไขเรื่องค่าผิดสัญญา
ก็หมายความว่าจะไม่มีการเรียกเก็บ แต่ผู้เช่านั้นก็จะต้องระวังในส่วนของการแจ้งย้ายออก ตามที่สัญญาจะระบุว่า
“จะต้องแจ้งล่วงหน้า….วันก่อนย้ายออก”
หากในหัวข้อข้อกำหนดพิเศษไม่ได้ระบุถึงเงื่อนไขเรื่องค่าผิดสัญญา ก็หมายความว่าจะไม่มีการเรียกเก็บเงินค่ายกเลิกสัญญา
ซึ่งหมายความว่าไม่ได้ระบุเป็นพิเศษว่าจะต้องอยู่ให้ถึง 2 ปี
แต่อย่างไรก็ตามผู้เช่าก็ควรจะตรวจสอบและยืนยันจุดเวลาที่จะต้องแจ้งย้ายออกล่วงหน้าด้วย
(*ส่วนมากจะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนวันย้ายออก 30 วัน)
คำถามหลังจากย้ายเข้า
ก่อนอื่นจะต้องเปิดใช้พวกระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา แก๊ส
โดยการเปิดใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาจะสามารถเปิดใช้ได้ทางโทรศัพท์ ส่วนแก๊สจำเป็นจะต้องนัดหมายเพื่อทำสัญญา
ในกรณีของผู้ที่ย้ายบ้านภายในญี่ปุ่น
จำเป็นจะต้องแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ไปที่ไปรษณีย์รวมถึงแจ้งไปที่บริษัทอินเทอร์เน็ตเช่นเดียวกัน
การเปิดใช้ไฟฟ้า แก๊ส และน้ำประปาควรทำล่วงหน้า 5-6 วันก่อนเข้าอยู่ แต่ว่าแต่ละบริษัทก็จะมีระเบียบต่างกันออกไป
จึงควรตรวจสอบวันให้แน่นอนแล้วจึงเปิดใช้ สำหรับลูกค้าแลนด์เฮ้าส์ซิ่งก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้
เพราะสต๊าฟจะติดต่อเปิดใช้ไฟฟ้า แก๊สและน้ำประปาให้และนัดหมายทำสัญญาการใช้ในวันแรกที่เข้าพัก
โดยพื้นฐานแล้วไม่สามารถทำได้ เพราะในสัญญาได้ระบุว่า “ผู้ที่เข้าพัก” ในห้องนั้นได้จะต้องเป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญา
และการที่โอนสิทธิ์การเช่านั้นให้กับผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของนั้นถือเป็นการฝ่าฝืนและอาจทำให้ถูกยกเลิกสัญญาได้
ขึ้นอยู่กับห้องนั้นๆ ในกรณีที่มีการติดตั้งระบบรองรับอินเทอร์เน็ตอยู่แล้วเพียงแค่ลงทะเบียนทำสัญญาก็สามารถใช้ได้ในวันนั้น
แต่ก็อาจจะมีบางห้องที่ต้องสมัครกับทางบริษัทอินเทอร์เน็ตล่วงหน้า










