ข้อควรรู้ก่อนเริ่มหาที่พักในญี่ปุ่น
1.ควรจองห้องพักได้ 1-1.5 เดือนล่วงหน้าเท่านั้น
หากต้องการเช่าที่พักและไม่อยากโดนเก็บค่าเช่าก่อนเข้าพัก เราแนะนำให้จองล่วงหน้ามากที่สุดเพียงแค่ 1-1.5 เดือน เนื่องจากความต้องการเช่าที่พักในประเทศที่ญี่ปุ่นมีมากกว่าจำนวนที่พักอาศัยจริง จึงทำให้มีการแข่งขันการจองที่พักสูงขึ้น ดังนั้น เจ้าของที่พักจะไม่นิยมเก็บห้องพักให้ผู้ที่จะเช่าล่วงหน้าเป็นระยะเวลาหลายๆเดือนได้ เพราะจะเป็นการตัดโอกาสตนเองในการได้รับค่าเช่าและโอกาสผู้อื่นในการจองห้องนั้นๆ
2. ห้องเช่าแบบสัญญาระยะยาวจะมีค่าแรกเข้า โดยทั่วไปประมาณ 4-5 เท่าของค่าเช่ารายเดือน
หากทำการจองห้องพักและตรวจสอบผู้เช่าเรียบร้อยแล้ว ก็จะถึงขั้นตอนการจ่ายเงิน โดยการจ่ายเงินครั้งแรกนั้นจะเรียกว่า “ค่าแรกเข้า” ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีจำนวนเป็น 4-5 เท่าของค่าเช่ารายเดือน เนื่องจากผู้ที่จะเข้าพักจำเป็นจะต้องชำระค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จำเป็นด้วย การจ่ายค่าเช่าในเดือนแรกอาจรวมไปถึงค่ามัดจำ ค่าประกัน ค่าค้ำประกัน และอื่นๆ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะชี้แจ้งแต่ละค่าใช้จ่ายให้ทราบก่อนชำระ
3.ที่พักแบบแมนชั่นหรืออพาร์ทเม้นต์จะไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ
ห้องพักที่ญี่ปุ่นหากเป็นห้องสัญญาระยะยาว 2 ปีทั่วไปแล้วจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆภายในห้อง จะเป็นเพียงห้องว่างเปล่าเท่านั้น ซึ่งหากลูกค้าท่านใดต้องการเช่าห้องพักแบบแมนชั่นหรืออพาร์ทเม้นต์ ก็จำเป็นจะต้องหาซื้อหรือเลือกใช้บริการเช่าเฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงบางห้องก็ไม่มีหลอดไฟในห้องด้วย ผู้เช่าสามารถตรวจสอบรายละเอียดของห้องให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกห้อง
✨ พิเศษ สำหรับลูกค้าที่เช่าห้องผ่านทาง LandHousing ✨ เรามีบริการให้เช่าเฟอร์นิเจอร์ เมื่อถึงญี่ปุ่นแล้วก็พร้อมเข้าพักโดยมีทั้งห้องและเฟอร์นิเจอร์เตรียมไว้พร้อม หากเกิดความขัดข้องในการใช้งานก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คนไทยให้ช่วยประสานงานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
4.ข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับชาวต่างชาติ
บางห้องพักอาจมีข้อกำหนดพิเศษไว้ว่า “หากเป็นชาวต่างชาติจะเช่าห้องพักได้ค่อนข้างยาก” หรือ “ในกรณีที่เป็นชาวต่างชาติจะต้องจ่าค่ามัดจำเพิ่ม” เป็นต้น แต่ทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับเจ้าของห้องพักแต่ละที่กำหนดเงื่อนไขการรับผู้เช่าแตกต่างกันไป ซึ่งที่พักจำนวนไม่น้อยก็ยินดีต้อนรับชาวต่างชาติเช่นกัน5.จำเป็นจะต้องเข้าระบบบริษัทค้ำประกันแทน
การเช่าห้องที่ญี่ปุ่นในอดีตจำเป็นต้องมีคนค้ำประกันให้ แต่ปัจจุบันห้องเช่าส่วนมากจะบังคับให้ผู้เช่าเข้าระบบบริษัทค้ำประกันแทนการใช้ผู้ค้ำรายบุคคลเพื่อความสะดวกและความไว้วางใจของเจ้าของห้อง ซึ่งบริษัทค้ำประกันจะเป็นตัวแทนในการค้ำประกันให้ผู้เช่านั่นเอง โดยจะมีหน้าที่ในการรับความเสี่ยงแทนในกรณีที่ผู้เช่าไม่จ่ายค่าห้อง หรือเกิดเหตุไม่คาดคิดเกี่ยวกับการค้างชำระเงินขึ้น ซึ่งบริษัทค้ำประกันจะดำเนินการชำระหนี้หรือส่วนค้างชำระให้เจ้าของห้องก่อนแล้วจึงมาเรียกเก็บกับผู้เช่าอีกครั้งในภายหลัง ซึ่งผู้เช่าทุกคนจำเป็นจะต้องเข้าระบบบริษัทค้ำประกันและจ่ายเงินค่าค้ำประกันด้วย (ทั้งนี้อาจจะมีบางห้องพักที่จำเป็นต้องใช้คนค้ำประกันเท่านั้น)
6.ประกันอัคคีภัยหรือภัยพิบัติ
การเช่าห้องพักที่ญี่ปุ่นจะต้องเข้าร่วมประกันอัคคีภัยหรือประกันภัยพิบัติของบริษัทที่เจ้าของห้องกำหนดด้วย และห้องส่วนมากผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้เอง โดยค่าประกันปกติจะอยู่ที่ 3 พันบาทเป็นต้นไป (ในระยะเวลา 2 ปี)
7.ต้องหาที่พักผ่านบริษัทเอเจนซี่หรือนายหน้าเท่านั้น
เนื่องจากที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น เจ้าของห้องพักจะไม่นำห้องมาประกาศให้เช่าหรือหาผู้เช่าหรือลงเว็บประกาศเอง แต่เจ้าของห้องจะนำห้องไปฝากไว้กับเอเจนซี่หรือบริษัทรับดูแลห้องเพื่อให้หาผู้เช่าให้ ดังนั้นผู้ที่ต้องการเช่าจะไม่สามารถติดต่อกับเจ้าของห้องพักได้โดยตรง และจะต้องติดต่อผ่านเอเจนซี่หรือนายหน้าเท่านั้น