ชาวต่างชาติหลายท่านรวมถึงลูกค้าชาวไทยหลายท่านอาจสงสัยว่า ทำไมถึงจำเป็นจะต้องให้ข้อมูล “ผู้ติดต่อฉุกเฉิน” ด้วย?
หรืออาจจะยังไม่รู้ว่า ในใบกรอกข้อมูลเพื่อยื่นขอจองห้องเช่านั้นจะมีส่วนที่ต้องเติมข้อมูลของ “ผู้ติดต่อฉุกเฉิน”
หลายคนก็อาจยังสงสัยว่าเราจะต้องกรอกข้อมูลอะไรลงไปดี วันนี้เราจะมาอธิบายหน้าที่และความสำคัญของ “ผู้ติดต่อฉุกเฉิน” กัน
“ผู้ติดต่อฉุกเฉิน” คืออะไร
“ผู้ติดต่อฉุกเฉิน” หมายถึง บุคคลที่จะได้รับการติดต่อไป ในกรณีที่ไม่สามารถติดต่อเจ้าตัวได้ โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉิน
หรือเกิดเหตุอะไรขึ้นมาในระหว่างการเช่าห้อง แต่ก่อนมักจะมีปัญหาเรื่องการติดต่อสื่อสารต่างๆ
แต่ในปัจจุบันที่การสื่อสารได้เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก
ทำให้ส่วนใหญ่บริษัทที่ดูแลห้องก็จะติดต่อกับผู้เช่าโดยตรงได้โดยไม่ต้องรบกวนผู้ติดต่อฉุกเฉิน
หยุดเข้าใจผิด! “ผู้ติดต่อฉุกเฉิน” ไม่ใช่ผู้ค้ำประกัน
“ผู้ค้ำประกัน” จะหมายถึงบุคคลที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการชำระหนี้หรือค่าเช่าที่ค้างชำระ
กรณีที่ผู้เช่าไม่สามารถชำระค่าเช่าได้
ซึ่งปัจจุบันในญี่ปุ่นนิยมใช้บริการบริษัทค้ำประกันแทนการให้บุคคลมาเซ็นค้ำประกันให้เหมือนอดีต
แต่อาจมีบางห้องที่เจ้าของยังคงบังคับให้มีผู้ค้ำเช่นกัน
ดังนั้น “ผู้ค้ำประกัน” กับ “ผู้ติดต่อฉุกเฉิน”
จึงมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต่างกัน “ผู้ติดต่อฉุกเฉิน”นั้นจะไม่มีหน้าที่หรือความรับผิดชอบในการชดใช้หนี้หรือค่าใช้จ่ายที่ค้างชำระแต่อย่างใด
รวมทั้งเจ้าของและบริษัทที่ดูแลห้องไม่มีสิทธิ์ในการทวงหนี้จากผู้ติดต่อฉุกเฉินเช่นกัน
และแม้แต่กรณีที่ผู้ติดต่อฉุกเฉินได้รับการติดต่อจากบริษัทค้ำประกันเพื่อสอบถามถึงผู้เช่ากรณีที่มีหนี้ที่ค้างชำระ ผู้ติดต่อฉุกเฉินก็ไม่มีหน้าที่ในการชดใช้หนี้แต่อย่างใด
กล่าวง่ายๆ แล้ว “ผู้ติดต่อฉุกเฉิน”
เป็นเพียงผู้ที่บริษัทค้ำประกัน/บริษัทดูแลห้อง/เจ้าของจะติดต่อไปในกรณีที่ไม่สามารถติดต่อผู้เช่าได้เท่านั้น
แล้วเขาจะติดต่อผู้ติดต่อฉุกเฉินเมื่อใดบ้าง?
ถึงจะเรียนว่า “ผู้ติดต่อฉุกเฉิน” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะติดต่อไปหาบ่อยครั้ง เช่น
กรณีที่ผู้เช่าไม่ได้รับสายในเวลางาน ผู้ติดต่อก็มักจะติดต่อไปเวลาอื่นๆที่ต่างออกไป
โดยจะไม่ได้ติดต่อไปที่ผู้ติดต่อฉุกเฉินโดยทันที กรณีที่จะติดต่อ “ผู้ติดต่อฉุกเฉิน” ตัวอย่างเช่นกรณีดังต่อไปนี้
- กรณีที่ได้โทรสอบถามเรื่องการต่อสัญญา หรือทวงหนี้ที่ค้างชำระหลายรอบแล้ว แต่กลับไม่สามารถติดต่อผู้เช่าได้
บางครั้งที่ผู้เช่ามีสายโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับหลายครั้งแต่กลับไม่ได้ติดต่อกลับ
บริษัทดูแลห้องจึงอาจจะต้องติดต่อไปแจ้งผ่านผู้ติดต่อฉุกเฉินแทนให้ทราบเรื่องและให้ผู้เช่ารีบติดต่อกลับ
รวมไปถึงกรณีที่สัญญาเช่าใกล้จะหมดแล้วแต่ยังไม่ได้รับการแจ้งความประสงค์จากผู้เช่าว่าต้องการต่อสัญญาหรือยกเลิกสัญญา
ก็อาจเป็นอีกกรณีที่ผู้ดูแลจำเป็นต้องติดต่อไปหาผู้ติดต่อฉุกเฉินแทน
- กรณีฉุกเฉิน รอการติดต่อกลับจากเจ้าตัวไม่ได้
ตัวอย่างกรณีฉุกเฉิน เช่น เกิดเหตุอัคคีภัยหรือภัยธรรมชาติ หรือเกิดข้อสงสัย/เหตุร้ายแรง เช่น การเสียชีวิต การหายตัวไป
เป็นต้น บริษัทดูแลห้อง/เจ้าของจึงต้องการติดต่อกับผู้เช่าให้ได้เร็วที่สุด ดังนั้นหากติดต่อผู้เช่าไม่ได้
เขาก็จำเป็นที่จะต้องติดต่อไปหาผู้ติดต่อฉุกเฉินให้เร็วที่สุด
แล้วใครต้องมาเป็นผู้ติดต่อฉุกเฉินให้
โดยทั่วไปแล้ว ในกรณีของคนญี่ปุ่นเอง
ทางบริษัทค้ำประกันและบริษัทดูแลห้องมักจะขอข้อมูลของคนที่มีความสัมพันธ์เป็นคนในครอบครัวของผู้เช่าเอง
แต่ในกรณีของชาวต่างชาตินั้น การติดต่อหาครอบครัวของผู้เช่าถือเป็นเรื่องที่ลำบากเนื่องจากปัญหาของภาษาที่ใช้สื่อสาร
ดังนั้นเขามักจะขอเป็นข้อมูลของคนรู้จักที่เป็นคนญี่ปุ่นหรือสามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้
โดยทั่วไปจึงแนะนำให้ใช้ข้อมูลของเพื่อน/คนรู้จัก/คนในบริษัทเดียวกันในการกรอกข้อมูล
มักจะมีการติดต่อไปผู้ติดต่อฉุกเฉินในการตรวจสอบผู้เช่าด้วย
ในขั้นตอนการตรวจสอบผู้เช่า อาจมีการติดต่อไปตรวจสอบข้อมูลของผู้ติดต่อฉุกเฉินด้วย
เพื่อยืนยันความสัมพันธ์กับผู้เช่าและรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับช่องทางการติดต่อของผู้ติดต่อฉุกเฉินเอง
ดังนั้นในใบจองห้องเช่าจึงมักจะมีช่องว่างให้กรอกข้อมูลของผู้ติดต่อฉุกเฉินดังต่อไปนี้
・ชื่อ
・ที่อยู่
・อายุ
・เบอร์โทรศัพท์
・ความสัมพันธ์กับผู้เช่า
- Tel: 02-048-2271 (สาขาไทย
) / 03-3324-2271 (สามารถแจ้งขอติดต่อสต๊าฟคนไทยที่ญี่ปุ่นโดยตรง
)
- Facebook : https://www.facebook.com/LandHousingThailand
- Line@ : @landhousing
- E-mail : thailand@landhousing.co.jp