หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ปกติห้องเช่าที่ญี่ปุ่นนั้นจะเป็นห้องเปล่าไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเฟอร์นิเจอร์ติดห้องไว้ให้เหมือนกับที่ไทย เพราะฉะนั้นหลายคนก็คงหมดเงินไปกับการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์กันจำนวนมาก แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากการซื้อแล้วยังมีอีกตัวเลือกคือ “การเช่า” นั่นเอง ไปดูกันว่า “เช่าหรือซื้อ แบบไหนจะคุ้มกว่ากัน? ” สำหรับคุณ
ข้อดีของการเช่า
- ค่าใช้จ่ายตอนต้นถูก
กรณีที่ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์พร้อมกันหลายๆอย่าง ค่าใช้จ่ายก้อนแรกถือว่าสูงมาก ยกตัวอย่างเช่น
กรณีที่ต้องการใช้ของเหล่านี้และจะต้องซื้อหลังจากไปถึงญี่ปุ่น
เตียง | 13,000– 18,000 เยน |
ฟูก | 4,600 เยน |
ตู้เย็น | 16,000-30,000 เยน |
เครื่องซักผ้า | 60,000-80,000 เยน |
ไมโครเวฟ | 25,000-40,000 เยน |
โต๊ะเก้าอี้ |
20,000 เยน |
(อ้างอิงจากเว็บไซต์บริษัทขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์)
รวมค่าใช้จ่ายตอนซื้อสูงถึง 138,600-192,600 เยน ทั้งนี้บางที่อาจจะมีค่าขนส่งและติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติมได้
เทียบกับการเช่าที่เงื่อนไขสินค้าเหมือนกันแล้ว หากเทียบระยะเวลาที่เช่า 1 ปี รวมค่าเช่าทั้งสิ้นจะอยู่ 144,000 เยน ซึ่งก็ยังอยู่ในระดับที่ถูกและสบายกว่า
- ไม่ต้องเสียค่าทำลายเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ตอนย้ายออก
สำหรับคนที่ใช้บริการเช่านั้น เพียงแค่ส่งของใช้เหล่านั้นคืนตอนย้ายออกก็เป็นอันเรียบร้อย แต่สำหรับคนที่ซื้อมานั้นยังจำเป็นต้องทำการกำจัด/เคลื่อนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ออกไปที่อื่น เพราะตามสัญญาการเช่านั้นหากว่าของทิ้งไว้แล้วทางบริษัทที่ดูแลห้อง ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบค่ากำจัดขยะภายในห้องอีกด้วย ดังนั้นเมื่อจะย้ายออก ถ้าจะต้องทิ้งเครื่องใช้เหล่านั้น ผู้เช่าต้องติดต่อบริษัทกำจัดขยะและซื้อสติกเกอร์ติดที่ขยะที่ทิ้งด้วย โดยอัตราค่าบริการกำจัดขยะจะมีดังนี้
เตียง | 1,000 เยน |
ฟูก | 1,000 เยน |
ตู้เย็น | 3,740円 เยน |
เครื่องซักผ้า | 2,530 เยน |
ไมโครเวฟ | 400 เยน |
โต๊ะเก้าอี้ (ซื้อสติกเกอร์มาติด) | 300 เยน |
(อ้างอิงจากเว็บไซต์รับกำจัดขยะ)
รวมทั้งมีค่าธรรมเนียมที่เดินทางมาเก็บขยะอีกประมาณ 3,000 เยน ทำให้ตอนย้ายออกจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกประมาณ 12,000 เยน ซึ่งสามารถนำไปเป็นค่าเช่าเฟอร์นิเจอร์อีกเดือนได้
-
ไม่ต้องเสียเวลาไปเลือกซื้อและติดตั้ง/ประกอบเอง
หลายคนกว่าจะเดินทางถึงญี่ปุ่น ก็คงเหนื่อยกับการแบกสัมภาระเข้าห้องพักกันหมดแล้ว แถมเข้าไปอยู่แล้วดันเป็นห้องที่ยังว่างไม่มีเครื่องใช้ใดๆทั้งสิ้นอีก กว่าจะต้องไปทำเรื่องย้ายเข้า เดินเลือกซื้อของก็ต้องใช้เวลาอีก รวมทั้งร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ที่ญี่ปุ่นส่วนมากจะไม่มีบริการขนส่งให้ หรืออาจจะมีแต่มียอดขั้นต่ำ และที่ญี่ปุ่นยังต่างกับที่ไทยตรงที่จะไม่มีใครมาประกอบและติดตั้งพวกเฟอร์นิเจอร์ให้อีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเข้าอยู่คนเดียวแล้วต้องทำเองทั้งหมดอาจจะลำบากได้
- ส่งฟรีทั่วประเทศญี่ปุ่น
ถ้าเป็นบริการเช่าเฟอร์นิเจอร์ของ LandHousing เรายินดีจัดส่งฟรีให้กับลูกค้าที่เช่าเป็นเซท หรือเช่าเครื่องใช้มากกว่า 1 ชิ้นขึ้นไป/ราคาประเมินเกินกว่าที่ทางบริษัทกำหนด ไม่ว่าจะเป็นแถบใดในญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ก็พร้อมไปติดตั้งให้ถึงที่ห้องพักตามวันที่ลูกค้ากำหนด ลูกค้าสามารถรออยู่ที่ห้องสบายๆ ไม่ต้องอะไรยุ่งยากแต่อย่างใด
ข้อเสียของการเช่า
・ถ้าเทียบระยะการใช้ยาวหลายๆปี การเช่าจะราคาค่อนข้างสูงกว่าการซื้อ
ถ้าเทียบจำนวนเงินที่จ่ายค่าเช่ารวมจำนวนหลายปี อย่างเช่น 3-4 ปี การเช่าจะราคาค่อนข้างสูงกว่าการซื้อ แนะนำว่าให้ซื้อจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้มากกว่า
・มีการกำหนดระยะเวลาในการเช่า
ปกติการเช่าก็จะมีการกำหนดระยะเวลาอยู่ที่ 6 เดือนขึ้นไป ใครที่อยากจะเช่าระยะสั้นกว่านี้อาจจะถูกคิดค่าเช่าเฉลี่ยต่อวันสูงกว่าการเช่า 6 เดือนขึ้นไป
หลังจากที่ทราบกันแล้วว่า การเช่าเฟอร์นิเจอร์นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างไรกันบ้าง หลายท่านที่เตรียมตัวจะไปอยู่ที่ญี่ปุ่นก็คงจะสามารถตัดสินใจได้ว่า “เช่าหรือซื้อ แบบไหนจะคุ้มกว่ากัน? ” สำหรับคุณ